แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ
Bow: ชื่อโบว์ค่ะ ตอนนี้เรียน MSc International Marketing ที่ Henley Business School กับ University of Reading ค่ะ

รีวิว MSc International Marketing ที่ University of Reading
ทำไมถึงตัดสินใจเลือกเรียนต่อคอร์สนี้คะ
Bow: เพราะว่าโบว์มีความสนใจทางด้าน Marketing อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนเรียนปริญญาตรี โบว์ก็จบทางด้าน Marketing มาก่อน แล้วก็อยากได้มุมมองที่มันกว้างขึ้น ความรู้ที่ลึกขึ้น เพิ่มขึ้น ก็เลยตัดสินใจมาเรียนคอร์สนี้ค่ะจริง ๆ คอร์ส Marketing แบบ Advance Marketing ก็มีเยอะ แต่ที่ตัดสินใจเลือกคอร์สนี้ ก็เพราะว่าตัวมหาวิทยาลัย The University of Reading ด้วยค่ะ มหาวิทยาลัยอยู่ใน Ranking ที่ดีเลย แล้วโลเคชั่นดี ใกล้ London เป็นที่รู้จักในประเทศไทยด้วยค่ะ

รีวิวคอร์สเรียนให้ฟังหน่อยค่ะ ได้เรียนอะไรบ้างคะ
Bow: เทอม 1 โบว์ก็จะเรียนวิชาพื้นฐานต่าง ๆ อย่างเช่น Market Research, Principles Marketing ก็จะเรียนพวก Theories ของ Marketing เพื่อน ๆ ที่ไม่ได้มีพื้นฐานทางด้าน Business หรือ Marketing มาก่อนก็ไม่ต้องกังวลค่ะ จะมีปูพื้นให้ตอนเทอมแรก ส่วนเทอม 2 ก็จะมีวิชาที่เกี่ยวกับ International Marketing มากขึ้น อย่างโบว์ดูคอร์ส Cultural Marketing ก็จะทำให้เราเข้าใจความแตกต่างของ Culture ในแต่ละประเทศทั่วโลก แล้วก็ได้รู้ว่าเราควรจะใช้เทคนิคไหน ควรจะ Research อะไรก่อนที่จะไปทำ Marketing ในต่างประเทศหรือในประเทศนั้น ๆ แล้วก็จะมีวิชา Optional ให้เลือกค่ะ มีวิชาที่น่าสนใจหลายวิชามาก อย่างเช่น Branding, Digital Marketing แล้วก็ Apply Challenge อย่าง Module Apply Challenge ก็จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ไปทำ Project กับบริษัทจริง อย่างปีนี้ก็ไปที่ปารีส ฝรั่งเศสค่ะ

ช่วงเทอมแรกที่เรียน เนื้อหาจะเป็นการปูพื้นฐาน เนื้อหาซ้ำกับที่เราเคยเรียนมั้ยคะ
Bow: จริง ๆ แล้วมันก็มีเนื้อหาบางตัวที่เหมือนเดิม อย่างพวก Theories ค่ะ แต่มันก็จะมีเนื้อหาบางอย่างที่เพิ่มขึ้นมา เพราะตอนที่โบว์เรียนอยู่ โซเชียลมีเดียมันไม่ได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ พอได้เรียนก็ได้ความรู้เพิ่มค่ะ
พวก Assignment ก็เยอะค่ะ ทั้งงานเดี่ยวแล้วก็งานกลุ่มค่ะ เทอมแรกก็คือเยอะมากๆ Deadline ติดๆ กันเลย พรีเซนต์ก็เยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานกลุ่มค่ะ บางวันก็พรีเซนต์ตั้งแต่เช้าติดกันเลย แต่ก็ผ่านไปได้ค่ะ (ยิ้ม) ส่วนงานกลุ่มเพื่อน ๆ ก็โอเคนะคะ หนูว่าเพราะแต้มบุญมาก ๆ เพราะอย่างเทอมแรกมันจะมีบางวิชาที่ใช้วิธีสุ่ม คือเราไม่สามารถเลือกเองได้ว่าจะได้ไปอยู่กับใคร ประเทศไหนก็ไม่รู้ ก็คือแล้วแต่ดวง แต่ก็โอเคค่ะ เพื่อน ๆ ก็ช่วยกัน
เราเลือกวิชา Optional Module ได้กี่ตัว ตัดสินใจเลือกยังไงคะ
Bow: ก็เลือกวิชาที่เราสนใจที่สุด อย่างโบว์เลือก Optional Module ได้ 2 ตัวค่ะ เลือก Branding แล้วก็มีลังเลระหว่าง Digital Marketing กับ Marketing Communication แต่ว่าก็เลือกเป็น Marketing Communication ไป มันก็มี Digital มาปน ๆ ด้วยค่ะ อย่างวิชา Branding ก็สอนทุกอย่างเกี่ยวกับการทำ Brand คือเราต้องรู้ตั้งแต่ Theories ตั้งแต่เรื่องสีเลยค่ะ รู้ลึกสอนลึกมาก ๆ แล้วก็มี Assignment ให้ทำค่ะ อย่างการให้ศึกษา Brand ที่เกิดข้อผิดพลาดว่าทำไมมันถึงผิดพลาด แล้วเราควรจะแก้ไขมันยังไง อะไรแบบนี้ค่ะ เป็นประโยชน์มาก ๆ
ส่วนอีกวิชาเลือก คือ Marketing Communication ค่ะ วิชานี้จะให้ทำงานเป็นงานกลุ่ม แล้วก็จะมี Exam ให้ค่ะ งานกลุ่มเองก็ดีมากเพราะเพื่อน ๆ ช่วยกันทำ จะมีให้เลือกบริษัทมา 1 บริษัท อย่างกลุ่มโบว์ก็เลือกเป็นบริษัท UNIQLO แล้วก็ให้เลือกทำ Campaign ให้เค้าทั้ง Offline และ Online อะไรแบบนี้ค่ะ ทำเป็น Application ทำฟีเจอร์เกี่ยวกับสีที่เหมาะสมเพิ่มเข้าไปในแอปของทาง UNIQLO ผลออกมาก็โอเคค่ะ ได้คะแนนดีมาก ได้ 90 ค่ะ (หัวเราะ) แก๊งเด็กไทยคือคะแนนสูงทุกคนเลย ในคลาสเค้าก็เอาผลงานของเด็กไทยที่ได้คะแนนสูงของปีที่แล้ว มาให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ ส่วนตัวถ้าเลือกได้ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกทำงานกลุ่มกับเพื่อน ๆ คนไทยค่ะ เพราะทำงานง่าย เพื่อนคนไทยคือเก่งมากจริง ๆ แล้วก็ค่อนข้างมีความรับผิดชอบ
*สนใจ เรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

เล่าบรรยากาศในห้องเรียนคร่าว ๆ หน่อย เพื่อน ๆ ในห้องเป็นยังไงคะ
Bow: จริง ๆ จะเป็นคนไทยกับคนจีนซะส่วนใหญ่ แต่ว่าก็มีเพื่อน ๆ จากประเทศอื่น อย่างอินเดีย หลากหลายประเทศเลยค่ะ ส่วนนักเรียนไทยก็คือ เพื่อน ๆ ก็ช่วยกันเรียน ทุกคนน่ารัก นิสัยดี ไม่ต้องห่วงว่าจะเหงาเลย เพราะว่าจริง ๆ แล้วคนไทยที่นี่ค่อนข้างเยอะค่ะ เพื่อนคนจีนหรือเพื่อนจากประเทศอื่นเองก็น่ารักทุกคนค่ะที่ Reading เวลาเรียนในห้องทุกคนก็คือตั้งใจเรียนกันมาก ส่วนอาจารย์ก็จะเปิดโอกาสให้ Discuss กันแทบจะ
ทุกคลาสเลย ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็ถามอาจารย์ได้ อาจารย์เต็มใจที่จะช่วยเรา และอธิบายให้เราเข้าใจจริง ๆ ค่ะ แล้วด้วยความที่เพื่อนทุกคนตั้งใจเรียนจริง ๆ มันก็เลยทำให้เราตั้งใจไปด้วย อย่างโบว์เรียนคอร์สที่เป็นภาษาไทยมาตลอด พอมาที่นี่ บางอย่างที่เราเรียนแล้วเราฟังไม่ค่อยทันในห้องเรียน อาจารย์เค้าก็จะอัดเสียงไว้ให้ เราก็สามารถไปดูย้อนหลังใน Blackboard ได้ คือเค้าจะมี Website ของมหาวิทยาลัยค่ะ สามารถเข้าไปดูพวกคอร์สเรียน โหลด Lecture หรืออย่างที่โบว์บอก ดูวิดีโอย้อนหลังได้ ตรงไหนที่เราเรียนไม่เข้าใจก็ไปย้อนดูได้ ใช้งานสะดวกค่ะ กดให้วิดีโอโชว์ Subtitle ได้
รีวิว University of Reading
รีวิวมหาวิทยาลัยต่อเลย ที่ University of Reading บรรยากาศ กิจกรรม และ Facility เป็นไงบ้าง
Bow: ที่นี่ Facility ค่อนข้างครบค่ะ มียิมด้านหน้า มี Library หนูชอบตรงที่ข้างใน Library จะมีห้องให้จองเวลาที่ต้องการ Discuss งานกลุ่ม หรือซ้อมพรีเซนต์กัน เพราะของ Marketing จะมีงานพรีเซนต์ค่อนข้างเยอะ เวลานัดเพื่อนไปซ้อมก่อนที่จะพรีเซนต์จริง มันทำให้หายตื่นเต้นเวลาที่เราพรีเซนต์ในคลาส แล้ว Staff ของมหาวิทยาลัยที่นี่น่ารักค่ะ เวลาอยากขอความช่วยเหลืออะไรก็สามารถอีเมลไปได้ เพราะบางทีเราก็ไม่กล้าไปติดต่อกับเค้าตรง ๆ เค้าก็จะตอบกลับอีเมลไวมากค่ะ อีกอย่างคืออาจารย์ที่นี่ Nice น่ารักทุกคนเลยค่ะ เค้าเต็มใจสอนจริง ๆ บางทีเวลาเรานั่งเหม่อ เค้าก็เรียกเราให้เรากลับมา (หัวเราะ) ว่าเราไม่เข้าใจตรงไหนมั้ย แล้วก็จะมีซุปเปอร์เอเชียที่ของครบมาก ๆ พวกซอสอะไรแบบนี้ ไม่ต้องเอามาจากไทยก็ได้ค่ะ อย่างน้ำปลา ซอสหอยนางรม มีครบหมดค่ะ นอกจากนั้นที่นี่มีร้านชานมไข่มุก แล้วก็คาเฟ่ครบเลย แล้วก็มี Bar ในมหาวิทยาลัยค่ะ ดีมากเวลาที่คุยงานกลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่นี่ ก็ไปที่บาร์ได้ (หัวเราะ)

แล้วตอนเลือกมหาวิทยาลัย มีมหาวิทยาลัยอื่นในใจมั้ยคะ ทำไมที่นี่ถึงเป็น Final Choice คะ
Bow: ตอนนั้นจริง ๆ ก็มี Choice อื่นด้วยค่ะ แต่ว่าดูจาก Ranking แล้วก็มีเพื่อนที่เคยมาเรียนปีก่อนหน้าเค้าแนะนำว่าหลักสูตรที่นี่ค่อนข้างโอเค หลาย ๆ อย่างรวมกัน ทั้งโลเคชั่น เพื่อนแนะนำ คอร์สเรียนด้วย ก็เลยมาลงตัวที่นี่
*สนใจ เรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิวเมือง Reading
Bow: ใช่ค่ะ บางทีเราอยากกินอาหารบางอย่างที่มันไม่ได้มีขายที่นี่ ต้องไปกินที่ London อย่างเดียว เดินทางแค่ประมาณ 20 นาทีกว่าก็ถึง London เลย ก็คือสะดวกค่ะ แต่จริง ๆ แล้วที่ Reading เองก็มีทุกอย่างครบนะคะ มีร้านอาหารไทยที่รสชาติเหมือนที่ไทยเลย แล้วก็มีห้าง The Oracle มี John Lewis ใครอยากช็อปปิงก็มีที่ให้ช็อปปิงค่ะ โดยไม่ต้องไป London ก็ได้ แต่ถ้าอยากเข้าเมืองที่มันมีแสงสีอะไรแบบนี้ มันก็อยู่ไม่ไกลเลยค่ะ ใกล้มาก รู้สึกว่ามันดีกว่าตอนแรกที่อยู่ Cambridge เพราะ Cambridge สำหรับโบว์คือค่อนข้างเหงาถ้าเทียบกับตอนอยู่ที่ Reading ค่ะ รู้สึกว่าที่ Reading ดีกว่าเยอะ ใช่กับเรามากกว่า ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็โอเคนะคะ โบว์คิดว่ามันโอเคกว่า เพราะตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเราจะได้มาเจอเพื่อนคนไทย ไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นยังไง เรามาตัวคนเดียว แต่ก็รู้สึกปลอดภัยค่ะ ตั้งแต่อยู่มาก็ยังไม่เคยเห็นเรื่องอะไรที่มันร้ายแรงค่ะ

นอกจากไป London แล้ว ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาอีกบ้างมั้ยคะ
Bow: ได้ไป Belfast มาค่ะ จริง ๆ ส่วนใหญ่ก็ไป London เลย (หัวเราะ) แต่ว่าช่วงนี้งานหนูเริ่มน้อยลงแล้ว ก็กำลังจะมีแพลนไปเที่ยวสเปน ยุโรป เริ่มจะได้ไปเที่ยวบ้างแล้วค่ะเทอมสุดท้าย เพราะสองเทอมแรกของ Marketing ค่อนข้างหนัก งานก็จะเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็เลยไปแค่ที่ใกล้ ๆ อย่าง London, York หรือ Bath ที่มันเที่ยวแบบ One Day Trip ได้น่ะค่ะ นอกจากนี้หนูก็ไป Leeds ด้วย ก็ไปค้างคืนค่ะ
การเตรียมตัวเรียนต่อ
ตอนเตรียมตัวเรียนต่อ รู้จักพี่ Hands On ได้ยังไงคะ
Bow: ก่อนหน้านี้เคยมาเรียนคอร์สภาษาระยะสั้น ก็ได้ใช้บริการพี่ Hands On มาก่อนแล้วรู้สึกประทับใจค่ะ อย่างช่วงที่เรียนคอร์สภาษา ระหว่างทางมีปัญหาอะไร ก็สามารถติดต่อพี่ ๆ Hands On ได้ ช่วยแก้ปัญหาให้เราได้
พอตัดสินใจมาเรียนต่อปริญญาโท ก็เลยเลือก Hands On อีกครั้งนึงค่ะ พี่ ๆ ก็ช่วยตั้งแต่การเตรียมเอกสาร ช่วยตรวจ SoP จนถึงตอนมาเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ พี่ ๆ ก็ยังทักมาถามว่าเรียนเป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย ก็เลยประทับใจมาก ๆ ค่ะ

แล้วพี่ Hands On ช่วยอะไรเราบ้างคะระหว่างทาง
Bow: ช่วยทุกอย่างค่ะ (หัวเราะ) ก็คือตามตั้งแต่เอกสารว่าเมื่อไหร่หนูจะไปทำ เมื่อไหร่หนูจะไปสอบ IELTS ซักที อะไรแบบนี้อะค่ะ คือตามทุกอย่าง จนตอนเลือกมหาวิทยาลัยก็ยังแบบว่า เลือกทีนี่มั้ย เพราะตอนแรกหนูก็กังวลว่าอยากสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่น แต่ก็กลัวเพราะหนูไม่ได้เรียนอินเตอร์มาก่อน เรียนภาษาไทยมาตลอด
กลัว ๆ ว่าจะเรียนไหวมั้ย ตอนแรกเลยเลือกมหาวิทยาลัยที่ Ranking ไม่สูง แล้วพี่เค้าก็บอกว่า จริง ๆ เราเรียนมหาวิทยาลัยที่มี Ranking สูงมากกว่านี้ได้ เค้าก็เลยแนะนำ Henley Business School ของ The University of Reading ค่ะ แล้วก็ช่วยเหลือหลาย ๆ อย่างประกอบกันค่ะ อย่างตอนที่ได้มาเรียนภาษา จริงๆ คือชอบ London แต่เพราะว่ามาคนเดียวก็เลยกลัวเรื่องความปลอดภัย ก็เลยมองหาเมืองที่ใกล้ ๆ London แต่มีความปลอดภัยมากกว่าค่ะ ซึ่งก็คือที่ Reading

ก่อนมาที่นี่ เราได้เข้าร่วมกิจกรรม Pre-Departure ของพี่ Hands On มั้ยคะ
Bow: ไม่ได้เข้าค่ะ แต่เหมือนเพื่อน ๆ น่าจะไปกัน เพราะพี่ Hands On เค้ามีกลุ่มไลน์ของ University of Reading ให้เข้าร่วมก่อนที่จะได้มาเรียนที่นี่ ทำให้หนูได้รู้จักกับเหมียว รู้จักกับเพื่อน ๆ ก่อนที่จะมาถึงค่ะ แล้วก็ดันบังเอิญได้มาอยู่หอเดียวกัน ก็เลยสบายใจค่ะ
มีอะไรอยากฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนไปเรียนต่ออังกฤษมั้ยคะ ในฐานะที่เราผ่านประสบการณ์การเตรียมตัว
Bow: ถ้าให้แนะนำ ก็อยากแนะนำว่าให้มาเลยดีกว่า คือถ้ารอให้พร้อม มันก็ไม่พร้อมจริง ๆ ค่ะ ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็ถามพี่ ๆ Hands On อยากให้ลองมาเรียน เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนหลาย ๆ ประเทศ โบว์ว่ามันดีกว่าการอยู่ที่เดิม มันได้เจอเพื่อนใหม่ แล้วก็ได้แลกเปลี่ยนความรู้ที่มันมากขึ้นด้วยค่ะ













